วันศุกร์ที่ 3 มีนาคม พ.ศ. 2560

"ศาลพระภูมิ ตั้งกับไม่ตั้ง อย่างไหนดีกว่ากัน"

ศาลพระภูมิมหามงคล และศาลเจ้าที่ศรีมงคลขนาดใหญ่ โดย ร้าน #ก "ก.วัฒนาพานิช"
ก่อนอื่นเรามาทำความเข้าใจกันก่อนว่าการตั้งศาลพระภูมิเป็นเรื่องของความเชื่อ ความศรัทธาที่มีมาตั้งแต่โบราณกาล มีทั้งการตั้งแบบถูกวิธีและผิดวิธี เพราะยุคสมัยปัจจุบันมีทั้งการตั้งด้วยจิตบริสุทธิ์ที่มิได้แสวงหาผลประโยชน์มากมายแต่ใช้บารมีในการตั้งศาล กับ ตั้งเพื่อแสวงหาผลประโยชน์ตั้งเพื่อหากินแบบขูดรีดกับความเชื่อความศรัทธาจนเป็นที่มาของดวงวิญญาณสัมภเวสีมาสิงสถิตแทนที่จะเป็นพระภูมิเจ้าที่ หรือ บางคนไปตั้งแล้วไม่มีอะไรมาสิงสถิตเลยนอกจากศาลเปล่า ๆ เป็นแค่ สถาปัตยกรรมผสมกับประติมากรรม ประดับบ้าน ประดับสำนักงานเท่านั้น หาได้มีความศักดิ์สิทธิ์แต่อย่างใด ด้วยเหตุนี้จึงทำให้บางบ้าน บางสำนักงาน ทำมาหากินไม่ขึ้น บางบ้านดีแค่ในช่วงแรกบั้นปลายร้ายและร่วงหล่น เพราะนั่นคือการตั้งศาลแบบหากินเพื่อหลอกเอาเงินจากความศรัทธา 
วิธีการตัดสินใจว่าควรตั้งศาลพระภูมิหรือไม่ตั้งดังนี้
1.ลองถามตัวเองก่อนว่าคุณศรัทธา เคารพ พระภูมิเจ้าที่มากแค่ไหนก่อนจะตั้งศาลให้กับท่านเพราะการตั้งศาลคือการสร้างบ้านหลังหนึ่งให้กับท่านได้อยู่อาศัยเป็นตัวแทนในการระลึกนึกถึงท่าน พระภูมิเจ้าที่ท่านมีหน้าที่ให้ความสงบสุขร่มเย็นแก่ผู้อยู่อาศัย แต่หากผู้อยู่อาศัยนั้นมิได้กราบไหว้บูชาท่านทุกวัน อาจารย์โชขอแนะนำว่า อย่าตั้งเด็ดขาด เพราะศาลพระภูมิแตกต่างจากหิ้งพระ โต๊ะหมู่บูชา คือ กราบไหว้ สักการะ ทุกวันพระ โดยไม่จำเป็นต้องตั้งเครื่องสักการะทุกวันเหมือศาลพระภูมิ หากไม่สามารถตั้งเครื่องสักการะบูชาได้ทุกวันตั้งแล้วจะเป็นโทษมากว่าเป็นคุณ
2.การเลือกผู้มาประกอบพิธีกรรมตั้งศาลพระภูมิจะต้องเลือกผู้ที่มีบารมีสื่อสารกับพระภูมิเจ้าที่ได้จริง ไม่ใช่ใครก็มาตั้งได้เพียงแค่ตามตำรา เพราะถ้าผู้มาตั้งศาลขาดศีลธรรม จรรยาบรรณ ตามที่บอกไปข้างต้นว่าจะมีเพียงสัมภเวสีหรือศาลเปล่า ๆ เท่านั้น เพราะผู้ตั้งสื่อไม่ถึงพระภูมิเจ้าที่ ผู้ตั้งศาลจะต้องมีศีล 5 หรือ ศีล 8 ขึ้นไป หากศีลธรรมไม่ครบไม่สามารถตั้งได้ ผู้ที่มีศีล 5 เรียกว่า ฆราวาสธรรม ผู้ที่มีศีล 8 เรียกว่า พราหมธรรม ส่วนพระสงฆ์สามารถเป็นผู้ร่วมประกอบพิธีสวดเจริญพระพุทธมนต์ สวดพระชัยมงคลได้ แต่ในความเป็นจริงไม่สามารถตั้งศาลได้ด้วยตนเอง เพราะการตั้งศาลพระภูมิเป็นพิธีกรรมของทางฆราวาสธรรมกับทางพราหมธรรม เท่านั้น (แต่อาจมีการอนุโลมให้พระสงฆ์ผู้มีวิชาสามารถตั้งได้ในกรณีที่ไม่สามารถหาผู้มีบารมีสายฆราวาสหรือพราหมณ์มาตั้งได้)
3.การตั้งศาลพระภูมิต้องถูกต้องและสมบูรณ์ที่สุด ดังต่อไปนี้
สถานที่สำหรับตั้งศาล มีหลักการพิจารณาดังนี้
- ที่ตั้งศาลต้องเป็นบริเวณพื้นดิน ไม่ใช่บริเวณเดียวกับพื้นของตัวบ้าน
- หากไม่มีพื้นที่เป็นพื้นดิน สามารถทำการตั้งศาลบนชั้นดาดฟ้าได้ แต่ส่วนใหญ่ศาลที่ตั้งบนดาดฟ้าจะเป็นศาลเทพต่างๆ เช่นพระพรหม หรือ พระนารายณ์ ไม่ใช่พระภูมิเจ้าที่
- จุดที่ตั้งของศาลต้องไม่ถูกเงาของตัวบ้านสะท้อนลงมาบังหรือทับ
- ที่ตั้งของศาลควรอยู่ห่างจากบริเวณที่ตั้งของห้องน้ำ
- อย่าตั้งศาลให้อยู่ใกล้กับตัวบ้านมากจนเกินไป
- อย่าหันหน้าศาลเข้าสู่บริเวณที่ตั้งของห้องน้ำ
- ไม่ควรตั้งศาลให้หันหน้าตรงกับประตูหน้าบ้าน
- ตั้งศาลให้ห่างจากรั้วหรือกำแพงบ้านอย่างน้อย 1 เมตร
- ถ้าสามารถยกพื้นที่ตั้งศาลให้สูงขึ้นสัก 1 คืบ จากพื้นดินได้จะเหมาะสมอย่างยิ่ง
- ความสูงของศาล ควรสูงเหนือระดับสายตาของผู้เป็นเจ้าของบ้านขึ้นไปเล็กน้อย
ทิศทาง การหันหน้าศาลพระภูมิสู่ทิศมงคล
ทิศตะวันออกเฉียงเหนือ หรือ ทิศอีสาน เป็นทิศที่ดีที่สุด
ทิศตะวันออก หรือ ทิศบูรพา เป็นทิศที่ดีอันดับ 2
ทิศตะวันออกเฉียงใต้ หรือ ทิศอาคเณย์ เป็นทิศที่ดีอันดับ 3
ทิศต้องห้ามในการตั้งศาลพระภูมิ คือ ทิศตะวันตกและทิศใต้
เมื่อหาทิศทางตั้งศาลได้แล้วจะต้องพูนดินให้สูง 1 คืบ เกลี่ยดินด้วยมือและทุบให้แน่น ห้ามใช้เท้าเด็ดขาด และเตรียมน้ำมนต์ไว้พรมบริเวณพื้นดินเพื่อขับไล่ภูตผีปีศาจและสิ่งชั่วร้ายต่าง ๆ น้ำมนต์ที่ว่านี้เรียกว่า "น้ำมนต์ธรณีสาร" น้ำมนต์ธรณีสารนี้ ทำได้โดยนำน้ำธรรมดาไปให้พระท่านสวดพระพุทธมนต์ทำเหมือนน้ำมนต์ทั่วไป แต่ต่างกันตรงที่ให้ท่านนำใบต้นธรณีสารมาใส่ลงในน้ำที่จะทำน้ำมนต์ในพิธีตั้งศาล
ความสูงของศาล
ขึ้นอยู่กับ ตัวเจ้าของบ้าน โดยให้ระดับฐานหรือชานชาลาพระภูมิอยู่เหนือระดับปาก (บางตำราว่าอยู่เหนือคิ้วพอดี) ของผู้เป็นเจ้าของบ้าน ดังนั้นเมื่อมีการเปลี่ยนเจ้าบ้าน ก็ควรจะตั้งศาลพระภูมิขึ้นใหม่
การใช้ศาลพระภูมิร่วมกัน กรณีที่เป็นหมู่บ้าน,ชุมชนหรือตึกแถว ให้ยึดเอาความสูงจากเจ้าของผู้สร้างเริ่มแรกหรือหัวหน้าชุมชนนั้น ๆ โดยให้เป็นตัวแทนเพื่อมาทำการยกศาลพระภูมิขึ้น บอกกล่าวและสักการะ ขอให้ท่านดูแลปกป้องรักษา ให้โชคลาภ ความเจริญรุ่งเรืองแก่ผู้อยู่อาศัยทุกคน
การปักเสาตั้งศาล
ต้องเตรียมหลุมให้เสร็จก่อนเริ่มพิธี (ค่อยมีพิธีในวันรุ่งขึ้น) โดยต้องเตรียมของดังนี้ พานครู 1 พาน ใช้สำหรับใส่ข้าว ธูป เทียนขาว ดอกไม้หรือพวงมาลัยสด เหล้า บุหรี่ ผ้าขาว เงิน 6 สลึงหรือ 99 บาท
รายการของมงคลใส่หลุม (ปัจจุบันที่นิยมใช้)
- เหรียญเงิน 9 เหรียญ
- เหรียญทอง (เหรียญสลึงหรือ 50 สตางค์ก็ได้) 9 เหรียญ
- ใบเงิน 9 ใบ
- ใบทอง 9 ใบ
- ใบนาค 9 ใบ
- ใบรัก 9 ใบ
- ใบมะยม 9 ใบ
- ใบนางกวัก 9 ใบ
- ใบนางคุ้ม 9 ใบ
- ใบกาหลง 9 ใบ
- ดอกบานไม่รู้โรย 9 ดอก
- ดอกพุทธรักษา 9 ดอก
- ไม้มงคล 9 ชนิด
- แผ่น เงิน,ทอง,นาค 1 ชุด
- พลอยนพเก้า 1 ชุด
ศาลพระภูมิ
ส่วนประกอบสำคัญของศาลพระภูมิ
จะเหว็ดศาลพระภูมิ หมายถึง รูปเทพารักษ์ที่ประดิษฐานไว้ในศาลพระภูมิ จะมีลักษณะเป็นรูปพระภูมิอยู่ในแผ่นคล้ายแผ่นเสมา มือขวาถือพระขรรค์ มือซ้ายถือถุงเงินหรือสมุด(หนังสือ) และการปลุกเสกจะเหว็ดให้เป็นองค์พระภูมิมีดังนี้ บรรจุธาตุทั้ง 6 คือ บรรจุพระพุทธคุณ,บรรจุพระธรรมคุณ,บรรจุพระสังฆคุณ ตลอดเทวคุณและวิญญาณธาตุเข้าไปในจะเหว็ด พอจบพิธีจากที่เรียกว่า "จะเหว็ด" เมื่อปลุกเสกแล้วก็จะเรียกว่า "พระภูมิ" บริวารของพระภูมิจะมี
ตุ๊กตาชาย-หญิง อย่างละ 1 คู่
ตุ๊กตาช้าง-ม้า อย่างละ 1 คู่
ละครยก 2 โรง
วันและฤกษ์ตั้งศาล
มีความสำคัญมาก ควรเลือกวันที่ดีและมีความเป็นสิริมงคลเพื่อให้ประสิทธิผลในทางมงคลแก่ผู้อยู่อาศัยในบ้านเรือนนั้นสืบต่อไป วันเวลาฤกษ์มงคลในการตั้งศาลพระภูมิต่อไปนี้
ฤกษ์เวลาอันเป็นมงคล
วันอาทิตย์ เวลา 6.09 น. - 8.19 น.
วันจันทร์ เวลา 8.29 น. - 10.39 น.
วันอังคาร เวลา 6.39 น. - 8.09 น.
วันพุธ เวลา 8.39 น. - 10.19 น.
วันพฤหัสบดี เวลา 10.49 น. - 11.39 น.
วันศุกร์ เวลา 6.19 น. - 8.09 น.
วันเสาร์ เวลา 8.49 น. - 10.49 น.
วันต้องห้าม
เดือนอ้าย (ธันวาคม) วันพฤหัสบดี และวันเสาร์
เดือนยี่ (มกราคม) วันพุธ และวันศุกร์
เดือน 3 (กุมภาพันธ์) วันอังคาร
เดือน 4 (มีนาคม) วันจันทร์
เดือน 5 (เมษายน) วันพฤหัสบดี และวันเสาร์
เดือน 6 (พฤษภาคม) วันพุธ และวันศุกร์
เดือน 7 (มิถุนายน) วันอังคาร
เดือน 8 (กรกฎาคม) วันจันทร์
เดือน 9 (สิงหาคม) วันพฤหัสบดี และวันเสาร์
เดือน 10 (กันยายน) วันพุธ และวันศุกร์
เดือน 11 (ตุลาคม) วันอังคาร
เดือน 12 (พฤศจิกายน) วันจันทร์
4.วิธีพิสูจน์ว่าศาลนั้นตั้งโดยผู้มีบารมีหรือไม่นั้นสามารถพิสูจน์ได้ด้วยระยะเวลาว่าหลังจากตั้งศาลไปเป็นที่เรียบร้อยแล้วบ้านหรือสำนักงานของเรานั้นมีความสงบสุข ทำมาหากินไม่ติดขัด หรือ บ้านหรือสำนักงานเรามีแต่ความวุ่นวายทะเลาเบาะแว้ง หาความสงบสุขไม่ได้เดี๋ยวดี เดี่ยวร้าย รายได้ขาดมือ ชักหน้าไม่ถึงหลัง สุขภาพผู้อยู่อาศัยย่ำแย่ลงไปทุกวัน นี่คือหลักการพิสูจน์บารมีของผู้ที่มาตั้งศาลให้กับเราว่ามีจริงหรือไม่มากน้อยแค่ไหนหรือเพียงแค่หลอกลวงหากินกับความศรัทธา
5.ขอให้พิจารณาการเลือกว่าจะตั้งศาลหรือไม่ตั้ง ดังนี้
- หากเงินไม่พอที่จะซื้อศาลพระภูมิ เงินไม่พอที่จะเชิญใครมาตั้ง ไม่ต้องตั้ง เก็บเงินไว้เลี้ยงดูตัวเองและครอบครัวดีกว่า แบ่งเงินทำบุญบ้างตามกำลังแล้วส่งอานิสงส์ผลบุญให้กับพระภูมิเจ้าที่ก็เพียงพอ
- หากตั้งเครื่องสักการะท่านไมไ่ด้ทุกวัน ไม่ต้องตั้ง
- หากสถานที่อยู่อาศัยไม่เอื้ออำนวย ไม่ต้องตั้ง
- หากมีห้องพระ หิ้งพระ แล้วทุกครั้งที่สวดมนต์ แผ่อนิสงส์ ผลบุญ ระลึกถึงพระภูมิเจ้าที่อยู่เป็นประจำอยู่แล้ว ไม่ต้องตั้ง
- หากหาคนที่มีบารมีมาตั้งศาลให้ไม่ได้ ไม่ต้องตั้ง เพราะความไม่แน่ใจของเรา จะทำให้อนาคตของเราชีวิตต้องติดขัด สุดท้ายต้องรือศาลทิ้งดังที่เราเห็นตามริมถนน ข้างทาง ใต้ต้นไม้ วัดวาอาราม กลายเป็นขยะที่ไร้ประโยชน์ เพียงเพราะเรานั้นขาดสติในการยั้งคิดพิจารณา มนุษย์ควรตั้งมั่นอยู่บนโลกของความเป็นจริง
-หากเรามีห้องพระของเราจัดวาง โต๊ะหมู่บูชา ทำพิธีเปิดห้องพระ เสริมสิริมงคลอย่างถูกต้องโดยผู้มีบารมี แล้วใช้ห้องพระนี้สวดมนต์ส่งกุศลผลบุญ อานิสงส์ให้กับพระภูมิเจ้าที่ เท่านี้ชีวิตครอบครัวของเราก็จะมีความสุข เราก็ไม่จำเป็นต้องตั้งศาลพระภูมิ
โปรดจงเชื่อและศรัทธาอย่างมีสติ พิสูจน์ได้ด้วยระยะเวลา ระยะเวลาทำให้เกิดปัญญา สิ่งที่ตามองไม่เห็นมีอยู่จริง แต่ต้องพิสูจน์ด้วยกาลเวลา เราจะไม่ถูกมิจฉาชีพหลอกลวงล้วงทรัพย์สินของเราด้วยคำพูดหวานหว่านล้อมหรือพูดให้เรากลัวจนต้องเสียทรัพย์

ขอบคุณข้อมูลจาก FACEBOOK อาจารย์โช

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น